วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

ขอทานกับพระพุทธองค์

   
        มีขอทานคนหนึ่งออกขอทานทุกวัน เขาอยากจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ เพราะฉะนั้น เขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรังและตุนไว้ แต่ว่าเขากักตุนเสบียงมาหลายปี ยุ้งฉางของเขาก็มีเพียงข้าวสารนิดหน่อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาสาเหตุ

คืนวันหนึ่ง เขาแอบอยู่มุมหนึ่งของบ้านและจ้องไปที่เสบียง ในที่สุด เขาเห็นหนูตัวใหญ่มาขโมยกินเสบียงของเขา เขาโกรธมาก ตะโกนไปที่เจ้าหนูว่า "บ้านคนรวยมีอาหารเยอะแยะ แกทำไมไม่ไปกินทำไมเจาะจงมากินอาหารข้าที่กักตุนมาด้วยความลำบาก" เจ้าหนูพูดขึ้นว่า "ชะตาของเจ้ามีข้าวสารได้แค่8ส่วน เดินให้ทั่วหล้า ก็ไม่สามารถมีข้าวได้ครบถัง" ขอทานถามเจ้าหนู "ทำไมเป็นเช่นนั้น" เจ้าหนูตอบว่า "ข้าก็ไม่รู้ เจ้าไปถามพระพุทธองค์สิ

ขอทานจึงตัดสินใจ เดินทางไปทางทิศตะวันตกเพื่อถามพระพุทธองค์ ว่าเหตุผลอันใดถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้

เจ้าขอทานก็ออกเดินทาง เขาขอทานระหว่างทาง เดินทางไปไกลมาก วันหนึ่ง เขาเดินจนฟ้ามืดถึงจะพบบ้านคนหลังหนึ่ง รีบไปเคาะประตู มีพ่อบ้านเดินออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร เขาบอกขอข้าวกินหน่อย พอดีเศรษฐีเจ้าของบ้านออกมาเห็นเข้า เลยถามขอทานว่า มืดอย่างนี้แล้วทำไมยังเดินทางอยู่อีก ขอทานจึงเล่าชะตาชีวิตให้เศรษฐีฟัง
บอกว่าจะไปถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ เศรษฐีได้ยินดังนั้น รีบเชิญขอทานเข้าไปนั่งในบ้าน ให้เสบียงกรังและเงินกับเขาจำนวนหนึ่ง ขอทานถามว่าทำไมทำเช่นนั้น เศรษฐีจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่า ลูกสาวข้าอายุ16แล้ว ยังพูดไม่ได้ ขอร้องให้เจ้าช่วยถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ด้วย
เศรษฐีเคยสาบานว่าใครก็ตามที่ทำให้ลูกสาวพูดได้ เขาก็จะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนนั้น ขอทานได้ฟังเช่นนั้น คิดว่าไหนๆก็จะไปหาพระพุทธองค์อยู่แล้ว เราก็ถือโอกาสช่วยถามให้เขาก็ได้ ขอทานจึงรับปากจะถามให้

ขอทานเดินทางต่อไปผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า เดินถึงเขาลูกหนึ่ง เห็นวัดแหืงหนึ่งตั้งอยู่ ก็เลยเข้าไปขอน้ำดื่ม เห็นพระแก่รูปหนึ่งถือไม้เท้าดีบุก ท่าทางแก่มาก แต่ดูกระฉับกระเฉง พระชราให้น้ำเขาดื่มและบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่ แล้วถามเขาว่าจะไปไหน ขอทานบอกจุดหมายที่จะไป พระชรารีบจับมือขอทานไว้และพูดว่า ขอร้องเจ้าต้องช่วยถามพระพุทธองค์ให้หน่อย ข้าเข้าฌานฝึกฝนมา 500 กว่าปีแล้ว ตามหลักควรจะขึ้นสวรรค์แล้ว ทำไมยังบินขึ้นไปไม่ได้ ขอทานก็เลยรับปากพระชรา

เดินไปข้างหน้า ผ่านหนทางทั้งห้วยหนองคลองบึง ขอทานมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ในแม่น้ำไม่มีเรือสักลำ ขอทานร้อนรนใจ จะทำอย่างไรดี จะข้ามไปยังไง ขอทานร้องไห้และพูดว่า หรือว่าชีวิตข้าจะต้องลำบากเช่นนี้หรือ ทันใดนั้น เต่ายักษ์แก่ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำ เต่าแก่พูดภาษาคนได้ ถามขอทานว่ามาร้องไห้ที่นี่ทำไม ขอทานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เต่าแก่พูดกับเขาว่า ข้าได้เข้าฌานปฏิบัติตนมา 1000 ปีแล้ว ตามหลักน่าจะกลายเป็นมังกรบินไปแล้ว ทำไมยังเป็นแค่เต่าแก่ๆตัวหนึ่ง ถ้าเจ้าไปพบพระพุทธองค์ช่วยถามให้ข้าด้วย ข้าจะให้เจ้าขี่ข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้าม ขอทานรับปากด้วยความดีใจ

ขอทานเดินไปจำไม่ได้ว่าอีกกี่วัน แต่ก็หาพระพุทธองค์ไม่เจอ คิดในใจว่าพระพุทธองค์อยู่ไหนนะ แดนสุขาวดีน่าจะถึงแล้ว ขอทานเสียใจมาก เลยผลอยหลับไปแบบงุนงง

ทันใดนั้นพระพุทธองค์ปรากฏองค์ขึ้น ขอทานดีใจมาก พระพุทธองค์ถามขอทานว่า เจ้ามาไกลขนาดนี้ น่าจะมีคำถามอะไรที่สำคัญมากใช่ไหม ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะถามคำถามหลายคำถาม หวังว่าท่านจะอธิบายให้ข้าน้อยเข้าใจได้ พระพุทธองค์ตอบว่า ได้สิ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งนะเจ้าถามได้สูงสุดแค่ 3 คำถามเท่านั้น เพราะว่าไม่เคยมีใครถามเกิน 3 คำถามมาก่อน ขอทานตอบตกลง คิดในใจว่า ข้าจะถามคำถามไหนดีขอทานรู้สึกว่าคำถามของตนเองช่างไม่มีความสำคัญเลย

เต่าแก่เข้าฌานมา1000ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย คำถามเขาน่าจะลองถามดู

พระชราปฏิบัติมา500ปี ก็ลำบากมาก คำถามเขาก็น่าจะถามดู

ลูกสาวเศรษฐีช่างน่าสงสารนัก พูดไม่ได้แล้วจะแต่งงานได้ยังไง

คำถามของเขาก็น่าจะถามดู และแล้วขอทานจึงไม่ลังเลที่จะถามคำถามที่1

พระพุทธองค์ตอบเขาว่า เต่าแก่ไม่ยอมสละกระดองของมัน ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นมังกรได้ ในกระดองของเต่ามีไข่มุกราตรีอยู่24เม็ด ถ้ามันยอมสละกระดอง มันก็จะกลายเป็นมังกรได้

คำถามที่2 ท่านตอบว่า พระชราถือไม้เท้าวิเศษทั้งวัน ในใจพะวงแต่ไม้เท้าว่าเป็นของวิเศษ ใช้ไม้เท้าเคาะบนพื้น1ที บนพื้นก็จะกลายเป็นธารน้ำใส ถ้าหากพระชรายอมโยนไม้เท้าทิ้ง เขาก็จะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว

ขอทานดีใจมาก จึงถามคำถามที่3 ท่านตอบว่า ถ้าเด็กสาวใด้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะพูดได้เอง และทันใดนั้นพระพุทธองค์ก็หายไป。

ขอทานรู้สึกว่า ปัญหาของตัวเองไม่มีอะไรสำคัญ กลับไปขอทานตามเดิมดีกว่า แล้วจึงรีบเดินทางกลับ ขอทานกลับมาถึงริมแม่น้ำ เต่าแก่คำนวนว่าขอทานน่าจะมาถึงแล้ว จึงรีบถามว่าพระพุทธองค์ตรัสว่ายังไง ขอทานพูดว่า เจ้าพาข้าข้ามแม่น้ำไปก่อน ข้าจะเล่าให้ฟัง เต่าพาขอทานข้ามแม่น้ำไป ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง เต่าฟังแล้วเข้าใจทันที จึงถอดกระดองออกยกให้ขอทานและพูดว่า ในนี้มีไข่มุกราตรี24เม็ด เป็นของที่หาค่ามิได้ สำหรับข้าไม่มีประโยชน์แล้ว ข้าขอยกให้เจ้า เต่าแก่จึงกลายเป็นมังกร บินหายไป

ขอทานเอาไข่มุกราตรี24เม็ด รีบเดินทางกลับมาถึงบนเขาพบกับพระชรา พระชรารีบถามว่าพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าอย่างไร ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง พระชราได้ฟังดีใจมาก จึงมอบไม้เท้าวิเศษให้แก่ขอทาน พระชราจึงขี่เมฆบินขึ้นท้องฟ้าหายไป

ขอทานเดินทางมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี ทันใดนั้น มีหญิงสาววิ่งออกมาและตะโกนเสียงดังว่า คนที่ไปถามพระพุทธองค์กลับมาแล้ว เศรษฐีก็วิ่งออกมา เขาตกใจมากที่อยู่ๆลูกสาวเขาพูดได้ ขอทานถ่ายทอดคำตรัสพระพุทธองค์ เศรษฐีดีใจมาก จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับขอทาน

ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา

ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา

คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ

นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่านมี2ทางเลือก

1. ท่านเผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น
2、ท่านสามารถไม่สนใจ เสมือนหนึ่งท่านไม่เคยเห็นมันเลย

การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจสามารถส่องสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย คนมีความฝันจึงทำให้ยิ่งใหญ่ การกระทำยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จ การเรียนรู้ของท่านทำให้ท่านเปลี่ยนแปลง

ขอให้ท่านกระจายความรักของท่านจะช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น ขอบคุณการสนับสนุนของท่าน ข้าพเจ้าได้เลือกทำข้อที่1แล้ว

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

เรื่องคนเลี้ยงไก่ 2 คน

คนที่ 1 ทุกเช้าจะเอาตะกร้า เข้าไปใน โรงเรือนเลี้ยงไก่
แล้วก็ เก็บ "ขี้ไก่" ใส่ตะกร้ากลับบ้าน!!
แล้วทิ้งไข่ไก่ ให้เน่าไว้ในโรงเรือน
เมื่อเขาเอาขี้ไก่กลับถึงบ้าน ทั้งบ้านก็เหม็นหึ่ง
ไปด้วยกลิ่นขึ้ไก่ !!!

คนทั้งบ้านต้องทนกับกลิ่นเหม็น!!!

คนเลี้ยงไก่คนที่ 2 เอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่
เก็บไข่ไก่ใส่ตะกร้าเอากลับบ้าน เขาเอาไข่ไก่ลงเจียว
กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน
คนทั้งบ้านได้กินไข่เจียวแสนอร่อย
ไข่ไก่ที่เหลือ เขาก็เอาไปขาย
แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก..

ในชีวิตของเรา
พวกเรา เป็นคนเก็บ "ไข่ไก่ " หรือ เก็บ"ขี้ไก่"

เราเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" โดยเฝ้าแต่เก็บ
เรื่องร้ายๆ แย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราไว้ในหัวของเรา
และมีความทุกข์ตลอดเวลาที่คิดถึงมัน!!!

หรือเราเป็นคนที่เก็บ"ไข่ไก่" เราจดจำสิ่งที่ดีๆ
ที่เกิดในชีวิตของเราและมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงมัน!!

คน เราส่วนใหญ่ชอบเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่"
เราถึงต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา
เรื่องความเสียใจ ความผิดพลาด ความเจ็บใจฯลฯ
มักจะติดอยู่ในใจของเรานานเท่านาน

ถ้าเราอยากมีความสุขในชีวิต เลือกเก็บ"ไข่ไก่" กับชีวิต

ทิ้ง "ขี้ไก่" ไปเถอะ
ชีวิตของเราจะได้มีความสุขซักที ^^..ขอบคุณ คุณสุรพล โสภณปฏิมา



วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เครื่องกรองสามชั้น

เ ค รื่ อ ง ก ร อ ง ส า ม ชั้ น.....
     นานมาแล้ว มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งชื่อว่า โซเครติส กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านของเขา ตอนนั้นเองมีเพื่อนคนหนึ่งแวะมาทักทาย และกล่าวว่า มีเรื่องเกี่ยวกับใครคนหนึ่งจะเล่าให้ฟัง โซเครติสบอกเพื่อนว่า...
     “เพื่อนเอ๋ย รอเดี๋ยวก่อน ก่อนที่เพื่อนจะเล่าเรื่องของเพื่อนนั้น เพื่อนได้นำเรื่องของเพื่อนไปกรองกับเครื่องกรองสามชั้นมาแล้วหรือยัง”
     เพื่อนของโชเครติสงงมาก ถามกลับว่า “เครื่องกรองสามชั้นอะไรหรือ”
     “เป็นเครื่องกรองที่ทำให้เรารู้ว่า เรื่องของเราควรส่งต่อถึงผู้อื่นหรือไม่” โซเครติสตอบ
     “ข้าก็ยังงง ๆ อยู่ดีล่ะ...ไหนลองบอกส่วนประกอบของแต่ละชั้นกรองมาซิ”
     โซเครติสจึงบอกว่า...”เครื่องกรองชั้นแรกคือ... #ความจริง ....ของถามหน่อย เรื่องที่เพื่อนจะพูดหรือเล่าออกมาเป็นความจริงหรือไม่”
     เพื่อนของโซเครติสบอกว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฟังมาจากคนอื่นอีกที แต่เขาก็บอกมาว่าเป็นเรื่องจริงนี่”
     “ถ้าเพื่อนไม่ได้ประสบเรื่องนั้นด้วยตนเอง เพื่อนอย่าเพิ่งแน่ใจเลยว่าเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเพื่อนจะนำเรื่องที่เพื่อนก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า มาเล่าให้ข้าฟังอย่างนั้นหรือ” โซเครติสกล่าวแก่เพื่อนของเขา
     “แล้วเครื่องกรองชั้นที่สองคือ.... #ความดี ....ขอถามหน่อยว่า เรื่องที่เพื่อนจะเล่านั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่” โซเครติสตอบและย้อนถามกลับ
     “ไม่ดีเลย เพราะที่ข้ากำลังจะเล่าให้ท่านฟังเป็นเรื่องเกี่ยวกับความไม่ดีของคนอื่น”
     โซเครติสพูดว่า...”ถ้าอย่างนั้นเพื่อนจะเอาทั้งเรื่องไม่จริง และขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องไม่ดีด้วย มาเล่าให้ข้าฟังอย่างนั้นหรือ” โซเครติสเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า..”เอาล่ะเพื่อน แม้ว่าเรื่องของเพื่อนจะเป็นเรื่องไม่จริงและไม่ใช่เรื่องดี แต่เรามาดูกันก่อนก็ได้ว่า เรื่องของเพื่อนจะผ่านเครี่องกรองชั้นที่สามได้หรือไม่”
     “มันคืออะไรล่ะ” เพื่อนของโซเครติสถาม
     “เครื่องกรองชั้นที่สามคือ.... #ประโยชน์ ....เรื่องที่เพื่อนจะเล่าให้ข้าฟัง เมื่อฟังแล้วทำให้เกิดประโยชน์อันใดหรือไม่เล่า”
     เพื่อนของโซเครติสตอบว่า “เห็นจะไม่มีประโยชน์อันใดเลยท่าน”
     “ถ้าอย่างนั้น” โซเครติสพูด “ในเมื่อเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องไม่ดี และไม่มีประโยชน์ เพื่อนก็อย่าได้เล่าให้ข้าฟังเลย เก็บไว้ที่ตัวเพื่อนเองดีกว่า”
     เพื่อนของโซเครติสอึ้งไป และใช้ความคิดเพื่อพิเคราะห์คำพูดของโซเครติสอย่างหนักหน่วง ก่อนจะลากลับโดยไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้เขาฟังอีกเลย...
     ทุกท่านครับ... ผู้ที่มีความเป็นนักปราชญ์อยู่ในตัวมักเสาะแสวงหาแต่สิ่งดีๆ ที่ทำให้หัวใจของเขาไม่ขุ่นมัว เพื่อที่ว่าความไม่ดีทั้งหลายจะได้ไม่มาแผ้วพานปัญญาของเขา บุคคลเหล่านี้จึงมักจะคัดกรองเอาแต่สิ่งดีๆ เข้าสู่ตนเอง แม้แต่การรับฟังก็ต้องผ่านเครื่องกรองสามชั้นเสมอคือ สิ่งที่เป็นความจริง สิ่งที่เป็นความดี และสิ่งที่เป็นประโยชน์
     เราอาจจะไม่ใช่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างโซเครติส แต่เราก็นำวิธีการของเขามาใช้กับตนเองได้ มีเรื่องมากมายเหลือเกินที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ทั้งเรื่องจริงและโกหก เรื่องที่เป็นความดีและความชั่ว เรื่องที่เป็นประโยชน์และไม่มีประโยชน์ หากเราจะรับฟังทั้งหมดนี้ไปเสียทุกเรื่อง จิตใจของเราคงวุ่นวายน่าดู เพราะเรื่องโกหกจะชี้ให้เราหลงผิด เรื่องไม่ดีจะทำให้จิตใจของเราปั่นป่วน และเรื่องไม่เป็นประโยชน์ก็ทำให้ชีวิตของเราตกต่ำ แต่ถ้าท่านรู้จักคัดกรองสารและเลือกที่จะไม่เข้าไปเกลือกกลั้วกับสิ่งที่ไม่จริง ไม่ดี และไม่เป็นประโยชน์ได้ ชีวิตท่านก็จะมีแต่ความสดชื่นรื่นเริง หากได้รับฟังในเรื่องไม่จริง ไม่ดี และไม่เป็นประโยชน์แล้วไซร้ ก็จงเก็บมันไว้ให้ตายไปกับตัวเถิด อย่าได้แจกจ่ายแพร่งพรายไปสู่ผู้อื่นเลย หากทำเช่นนี้ได้ ก็เท่ากับท่านไม่ได้เพิ่มความทุกข์ให้ใคร และเป็นบุญกุศลแก่ชีวิตของท่านอีกทางหนึ่งด้วยนะครับ

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ปัญญาลูกสาวชาวนา

เศรษฐีคนหนึ่ง ชอบใจลูกสาว ชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาว ไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา เป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว

เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้สินข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ข้า จะยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้"

ชาวนาไม่ตกลง

เศรษฐี บอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อน ขึ้นมาจากสวนกรวด ใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวของท่าน หยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"

ชาวนาตกลง

เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อน ใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่า กรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ

เธอจะทำอย่างไร?

หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็ต้องแต่งงาน กับเศรษฐีขี้โกง
หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอ ก็จะยังคงเป็นหนี้เศรษฐี ต่อไปอีกนาน

เราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มอง ปัญหาแบบขาวกับดำ แต่ไม่ใช่ทุกปัญหา สามารถแก้ไขได้อย่างขาวกับดำ เสมอไป

ในทางตรงข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบว่าหนทางการแก้ปัญหา มีมากกว่าหนึ่งสายเสมอ และการยืดหยุ่นพลิกแพลง ไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่ง

บางครั้งในการแก้ปัญหา เราอาจต้องสร้างเครื่องมือ ในการแก้ปัญหาขึ้นมาใหม่

โลกไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวกับดำ

ลูกสาวชาวนา เอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน พลันเธอปล่อยกรวด ในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและขาว ของสวนกรวด

เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขอ อภัยที่ข้าพลั้งเผลอ ปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำ อย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้ ดังนั้นเมื่อเรา เปิดถุงออก ดูสีกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไป เมื่อครู่เป็นสีอะไร"

ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ

"ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตก ย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้ และลูกสาวไม่ต้องแต่งงาน กับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

"หากเราพยายามมากพอ ที่จะแก้ไขปัญหา เราจะพบว่าทุกปัญหา ย่อมมีวิถีทางแก้ไขเสมอ"

เรื่องเล่าสั้นๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง

======= เรื่องที่ 1 ======

หนูตัวหนึ่งตกลงไปในถังข้าวสาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือมันดีใจมาก มันคิดว่ามันโชคดี มันจึงกินขาวสารนั้นอย่างอิ่มหมีพีมัน กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน เป็นอยู่อย่างนี้หลายวัน

วันแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ วันหนึ่งตอนที่มันกินจนเห็นพื้นของถังข้าวสาร มันฉุกใจคิด แต่ข้าวสารในถังก็เป็นสิ่งที่ยั่วยวนเหลือเกิน มันกินจนข้าวสารในถังหมดไป

ถึงตอนนี้มันถึงรู้ว่า การปีนออกจากถังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

@ การใช้ชีวิตของเราดูเหมือนปกติธรรมดา แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเต็มไปด้วยกับดักและหลุมพรางที่แสนอันตราย...ดังนั้น ควรปรับตัว และวางแผนระยะยาวเสมอๆ

====== เรื่องที่ 2 =======

ภรรยากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว สามีคอยกำกับอยู่ข้างๆ

“คนเบาๆ ช้าๆหน่อย ระวังหน่อยสิ ไฟแรงไป เร็วๆ รีบพลิกปลาได้แล้ว ตักออกมาสิ น้ำมันเยอะไปนะ คีบเต้าหู้วางให้ตรงๆสิ! ”
“นี่คุณ” ภรรยาทนไม่ไหว “ฉันทำกับข้าวเป็น พูดอยู่ได้”

“ที่รัก ผมรู้ว่าคุณทำเป็น” ผู้เป็นสามีบอกออกไป “ผมเพียงอยากให้คุณรู้ว่า เวลาที่ผมขับรถแล้วคุณคอยบอกให้ผมเบรก ให้ผมเร็ว ให้ผมระวัง ให้ผมแซงนะ ผม 'รู้สึก' ยังไง”

@ การเรียนรู้ที่จะเข้าใจคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณยินดียืนอยู่ใน "จุดยืน" ของฝ่ายตรงข้ามก็แค่นั้นเอง.

======= เรื่องที่ 3 =======

วันที่1 กระต่ายออกไปตกปลา กลับมาตัวเปล่าไม่ได้ปลากลับมาเลย
วันที่ 2 กระต่ายไปตกปลาอีก แต่ก็กลับมาตัวเปล่าเหมือนเมื่อวาน
วันที่ 3 เมื่อกระต่ายไปถึงบ่อปลา ปลาตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นจากน้ำและตะโกนพูดขึ้นว่า “ถ้านายยังเอาแครอทมาเป็นเหยื่ออีก ฉันจะกระโดดขึ้นจากน้ำมาตบแกให้ตายเลยเชียว”

@ การที่คุณให้ในสิ่งที่คุณชอบแก่คนอื่น แต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ มันก็ไม่มีค่า

======= เรื่องที่ 4 =======

มีเสืออยู่สองตัว ตัวหนึ่งอยู่ในกรง อีกตัวหนึ่งอยู่ในป่า มันต่างคิดว่าที่ๆมันอยู่นั้นไม่น่าอยู่เลย ต่างก็อิจฉาการดำเนินชีวิตของซึ่งกัน วันหนึ่ง พวกมันจึงแลกที่อยู่กัน ต่างก็มีความสุขกับสภาพแวดล้อมใหม่
ต่อมาไม่นาน เสือทั้งสองตัวก็ตาย ตัวหนึ่งอดตายอยู่ในป่า อีกตัวหนึ่งตายเพราะซึมเศร้าอยู่ในกรง

@ การที่บางครั้ง เราไม่ถนอมวาสนาที่เรากำลังได้รับอยู่ แต่เรามักอิจฉาในวาสนาของคนอื่น แท้จริงแล้ว สิ่งที่คุณมีนั่นแหละ คือสิ่งที่คนอื่นอิจฉา

======= เรื่องที่ 5 =======

ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เด็กสาวนางหนึ่งซึ่งหน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไรมาก เธอสมัครเป็นดาวคณะ ตอนที่เธออออกมาแนะนำตัวต่อหน้าเพื่อนนิสิต เธอบอกว่า

“หากเพื่อนๆเลือกฉัน อีกสิบปีข้างหน้า เพื่อนๆสามารถอวดกับลูกๆและสามีได้ว่า ในปีที่แม่เรียนอยู่ แม่สวยกว่าดาวของคณะ”

เมื่อถึงเวลาเลือกดาวคณะ ปรากฏว่าเธอชนะ

@ การจะพูดให้คนอื่นยอมรับคุณ ไม่ต้องบอกในความพิเศษและโดดเด่นของคุณ แต่จงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเพราะคุณ พวกเขาจึงมีความพิเศษและโดดเด่นขึ้น

======= เรื่องที่ 6 =======

ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง มาร์ก ทเวนนั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาพูดไปตามมารยาทว่า “คุณสวยจริงๆครับ”

ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่รับน้ำใจ ไม่แม้แต่จะกล่าวคำว่าขอบคุณ เธอพูดออกไปอย่างยโสว่า “น่าเสียใจ ฉันไม่อาจชมว่าคุณหล่อเหมือนที่คุณชมว่าฉันสวยได้!”

มาร์ก ทเวนพูดออกไปอย่างสุภาพว่า “ไม่เป็นไรครับ แต่คุณควรฝืนใจฝึกพูดโกหกเหมือนผมบ้างก็ได้นะครับ”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกอับอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง

@ การที่คุณโยนหินออกไปข้างหน้า คนที่จะสะดุดมันล้มไม่เป็นท่าก็คือตัวคุณนั่นแหละ

Cr. อ.บรรจง ที่ปรึกษาการลงทุน / เพิ่มผมเป็นเพื่อน คุยเรื่อง ธุรกิจ และการลงทุน

ขอทานกับพระพุทธองค์

            มีขอทานคนหนึ่งออกขอทานทุกวัน เขาอยากจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ เพราะฉะนั้น เขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรังและตุนไว้ แต่ว่าเขากักตุนเสบียง...